เตรียมตัวติดปีก โบยบิน

เย้ วีซ่าผ่านแล้ว หลังจากรอคอยมานานแสนนาน คราวนี้ก็ถึงเวลาเก็บเสื้อผ้า ข้าวของล่ะนะ ช่วงเวลานี้จะทำอะไรที่ไทยก้อรีบๆๆๆๆๆทำซะนะ อีกสิ่งนึงที่เรางงแปดทิศ มืดสิบด้านเลยคือเรื่องเสื้อผ้า ข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆนานา นี่แหล่ะ เฮ้อ จะเอาอะไรไปดีหนอออออ ขนเยอะก็ไม่ได้ เดี๋ยวน้ำหนักเกินอีก แต่ปีนี้รู้แล้วค๊า เลยเตรียมการไว้ก่อน ขนาดเตรียมไว้ก่อน น้ำหนักยังเกินมากโข เค้าให้ 27 กิโล ล่อไป 35โล ยิ้มหวานๆก็แล้ว แต่ต้องรีแพค
เอาล่ะ คำถามที่โดนถามบ่อยๆก็คือเรื่องเสื้อผ้าที่ต้องเอาไปใช้ที่ต่างประเทศ ก็แหม เมืองไทยมันเมืองร้อนนี่คะ หน้าหนาวมีอยู่น้อยนิด แถมหนาวก็ไม่หนาวอย่างบ้านเค้าอีกเฮ้อ กลุ้มใจจริง เสื้อผ้าบ้านเราจริงๆแล้วเอาไปได้นะคะ หน้าร้อนบ้านเค้านี่ร้อนพอตัวเลยแหล่ะ สิ่งที่อยากแนะนำให้เอาไปคือ พวกกางเกงยืด กางเกงวอร์มไว้ใส่ทำงานบ้าน เสื้อยืดธรรมดา (ไม่ต้องซื้อแพงนะ แค่ใส่ทำงานบ้าน รับรองขากลับได้ทิ้งแน่ๆ ไม่ต้องเสียดาย) พวกกางเกงขาสั้น กระโปรง เสื้อยืดตามแฟชั่นต่างๆที่ชอบ เอาไปได้เลย ใส่หน้าร้อนได้ รองเท้า บิกินี่ ขนไปเลยจ้า
แต่เรื่องอุปกรณ์กันหนาวนี่นะซิทำยังไงดี ปีแรกที่ไปสวีเดนนะ เราไปซื้อพวกเสื้อกันหนาวมือสองนู้น ตอนลองเสื้อ ป้าคนขายถามว่า อุ่นไหมลูก (เอ่อ นึกในใจ แค่เสื้อยืดตัวเดียวก็ร้อนจะตายแล้วค่ะ) ตอนนั้นรู้สึกจะไปซื้อที่ตลาดนัด ประมาณเดือนมีนาน่ะ แค่เสื้อยืดกะขาสั้นที่ใส่ไปก็จะแย่แล้ว ปีนี้เลยไม่ซื้อแล้วล่ะเสื้อกันหนาว เพราะรู้แล้วว่าความหนาวที่นี่เป็นอย่างไร เห็นเยอะแยะเลยละตามประตูน้ำ แพลตินั่ม พวกเสื้อกันหนาวทั้งหลาย พ่อค้าแม่ค้าเชียร์กันจังเลย แบบนี้ใส่ได้ -5องศานะคะ อันนี้ 0 องศา ต้องบอกว่า อากาศที่นี่ต่างกับไทยนะคะ ถึงแม้ว่าจะ 2องศาเหมือนกัน แต่มันต่างกัน ไม่แนะนำให้ซื้อเสื้อกันหนาวจากไทยมาที่นี่นะ ให้มาซื้อที่นี่ดีกว่า เพราะเรื่องของคุณภาพ และความอุ่นต่างกันมาก ซื้อจากไทยมาแพงซะเปล่าแต่ไม่อุ่นเลย รวมไปถึงพวกรองเท้าบูทด้วย มาซื้อนี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียดายกันทีหลัง สิ่งที่จะซื้อได้สำหรับอุปกรณ์กันหนาวที่ไทยก้อจำพวก ถุงเท้า เสื้อถักไหมพรม เตรียมมาสักตัวก็พอ แล้วมาซื้อที่นี่เอา ถ้าไม่มีเสื้อกันหนาวจริงๆทำไงดีล่ะ แนะนำว่าบอกโฮสไปเลยคะว่าไม่มีเสื้อกันหนาว และที่เมืองไทยคุณภาพไม่ดี กันหนาวไม่ได้ ให้โฮสเอามาให้ยืมตอนที่มารับสักตัว เค้าเข้าใจเราแน่นอน ทำไงได้ล่ะสภาพอากาศแตกต่างกันนี่นา อ๋อ เรื่องรองเท้าก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีจริงๆให้ซื้อรองเท้าผ้าใบที่มียี่ห้อใส่ไปก่อน เพราะมันจะอุ่นกว่า จำไว้เสมอว่า อยู่เมืองหนาว เท้าต้องอุ่นนะ ไม่งั้นจะป่วย
ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ให้เตรียมเท่าที่จำเป็น ควรตรวจสอบกับสายการบินก่อนว่า น้ำหนักกระเป๋าให้ได้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วจะให้ไม่เกิน 25-27 กิโลกรัม แต่ถ้าใครเป็นสมาชิกของสายการบินไหนอาจจะได้เพิ่มนิดหน่อย เรื่องอาหารการกินไม่ต้องขนไปนะคะ อาหารไทยเป็นที่นิยมมากๆในแถบนี้ อย่างในสต๊อกโฮมเองมีร้านขายของไทย (ตั้งแต่ มาม่า ยันปลาร้า) เฉพาะในตัวเมืองที่เห็นก็สามร้านหายห่วง ขนมชั้น ทองหยิบยังมีเลย ที่เดนมาร์คก็เหมือนกัน ไม่ต้องขนมานะจ๊ะ
เอาล่ะ คำถามที่โดนถามบ่อยๆก็คือเรื่องเสื้อผ้าที่ต้องเอาไปใช้ที่ต่างประเทศ ก็แหม เมืองไทยมันเมืองร้อนนี่คะ หน้าหนาวมีอยู่น้อยนิด แถมหนาวก็ไม่หนาวอย่างบ้านเค้าอีกเฮ้อ กลุ้มใจจริง เสื้อผ้าบ้านเราจริงๆแล้วเอาไปได้นะคะ หน้าร้อนบ้านเค้านี่ร้อนพอตัวเลยแหล่ะ สิ่งที่อยากแนะนำให้เอาไปคือ พวกกางเกงยืด กางเกงวอร์มไว้ใส่ทำงานบ้าน เสื้อยืดธรรมดา (ไม่ต้องซื้อแพงนะ แค่ใส่ทำงานบ้าน รับรองขากลับได้ทิ้งแน่ๆ ไม่ต้องเสียดาย) พวกกางเกงขาสั้น กระโปรง เสื้อยืดตามแฟชั่นต่างๆที่ชอบ เอาไปได้เลย ใส่หน้าร้อนได้ รองเท้า บิกินี่ ขนไปเลยจ้า
แต่เรื่องอุปกรณ์กันหนาวนี่นะซิทำยังไงดี ปีแรกที่ไปสวีเดนนะ เราไปซื้อพวกเสื้อกันหนาวมือสองนู้น ตอนลองเสื้อ ป้าคนขายถามว่า อุ่นไหมลูก (เอ่อ นึกในใจ แค่เสื้อยืดตัวเดียวก็ร้อนจะตายแล้วค่ะ) ตอนนั้นรู้สึกจะไปซื้อที่ตลาดนัด ประมาณเดือนมีนาน่ะ แค่เสื้อยืดกะขาสั้นที่ใส่ไปก็จะแย่แล้ว ปีนี้เลยไม่ซื้อแล้วล่ะเสื้อกันหนาว เพราะรู้แล้วว่าความหนาวที่นี่เป็นอย่างไร เห็นเยอะแยะเลยละตามประตูน้ำ แพลตินั่ม พวกเสื้อกันหนาวทั้งหลาย พ่อค้าแม่ค้าเชียร์กันจังเลย แบบนี้ใส่ได้ -5องศานะคะ อันนี้ 0 องศา ต้องบอกว่า อากาศที่นี่ต่างกับไทยนะคะ ถึงแม้ว่าจะ 2องศาเหมือนกัน แต่มันต่างกัน ไม่แนะนำให้ซื้อเสื้อกันหนาวจากไทยมาที่นี่นะ ให้มาซื้อที่นี่ดีกว่า เพราะเรื่องของคุณภาพ และความอุ่นต่างกันมาก ซื้อจากไทยมาแพงซะเปล่าแต่ไม่อุ่นเลย รวมไปถึงพวกรองเท้าบูทด้วย มาซื้อนี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียดายกันทีหลัง สิ่งที่จะซื้อได้สำหรับอุปกรณ์กันหนาวที่ไทยก้อจำพวก ถุงเท้า เสื้อถักไหมพรม เตรียมมาสักตัวก็พอ แล้วมาซื้อที่นี่เอา ถ้าไม่มีเสื้อกันหนาวจริงๆทำไงดีล่ะ แนะนำว่าบอกโฮสไปเลยคะว่าไม่มีเสื้อกันหนาว และที่เมืองไทยคุณภาพไม่ดี กันหนาวไม่ได้ ให้โฮสเอามาให้ยืมตอนที่มารับสักตัว เค้าเข้าใจเราแน่นอน ทำไงได้ล่ะสภาพอากาศแตกต่างกันนี่นา อ๋อ เรื่องรองเท้าก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีจริงๆให้ซื้อรองเท้าผ้าใบที่มียี่ห้อใส่ไปก่อน เพราะมันจะอุ่นกว่า จำไว้เสมอว่า อยู่เมืองหนาว เท้าต้องอุ่นนะ ไม่งั้นจะป่วย
ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ให้เตรียมเท่าที่จำเป็น ควรตรวจสอบกับสายการบินก่อนว่า น้ำหนักกระเป๋าให้ได้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วจะให้ไม่เกิน 25-27 กิโลกรัม แต่ถ้าใครเป็นสมาชิกของสายการบินไหนอาจจะได้เพิ่มนิดหน่อย เรื่องอาหารการกินไม่ต้องขนไปนะคะ อาหารไทยเป็นที่นิยมมากๆในแถบนี้ อย่างในสต๊อกโฮมเองมีร้านขายของไทย (ตั้งแต่ มาม่า ยันปลาร้า) เฉพาะในตัวเมืองที่เห็นก็สามร้านหายห่วง ขนมชั้น ทองหยิบยังมีเลย ที่เดนมาร์คก็เหมือนกัน ไม่ต้องขนมานะจ๊ะ
แล้วเรื่องโลชั่น หรือครีมล่ะทำยังไงดี?? สำหรับฤดูอื่นๆที่นี่ ครีมจากเมืองไทยพอไหวนะ แต่ถ้าหน้าหนาวจัดๆ ต้องซื้อครีมทาผิวที่นี่ล่ะ ส่วนครีมทาหน้า ก้อเตรียมมาได้ ที่นี่มียี่ห้อ โอเลย์ ลอรีอัล การ์นิเย่ เหมือนบ้านเรา แต่ตัวครีมจะข้นกว่า (ยี่ห้อที่พูดถึงนี่ถือว่าราคาถูกสำหรับที่นี่จ๊ะ)
ส่วนเรื่องยา ถ้ามีโรคประจำตัวให้ซื้อยามาด้วย หรือว่าขอใบสั่งยาจาแพทย์ที่เมืองไทยติดมาด้วยก็ดี จะได้อธิบายได้ถูก (ที่นี่ซื้อยาเองไม่ได้ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ค๊า) อุปกรณ์ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เอามาใช้ได้หายห่วง แต่ปลั๊กที่นี่ (สวีเดนและเดนมาร์ค) ขาปลั๊กจะเป็นแบบกลม บ้านเราขาจะแบนๆ ไปซื้ออะแดปเตอร์ที่ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้จ้า โทรศัพท์มือถือลองเชคดูว่าของเราเป็นแบบไตรแบรนด์หรือควอตแบรนด์ ถ้าใช่เอามาได้เลย(แต่ส่วนใหญ่ มือถือปลดล๊อคซิมหมดแล้ว ใช้ได้ทั่ว)
เอาล่ะ ได้ของครบแล้วทีนี้เตรียมจัดของลงกระเป๋าได้เลย ของที่มีคมเช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ ให้แพคลงกระเป๋าใหญ่ที่จะโหลดลงใต้เครื่องบินนะ (อ๋อ ลืมบอกไปว่าเค้าอนุญาตให้มีกระเป๋าติดตัวไปบนเครื่องได้ แต่ไม่เกิน 5กิโลค่ะ) พวกผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว ก็เช่นกัน ให้โยนลงกระเป๋าใหญ่เลย กระเป๋าที่ติดตัวนั้น เค้าห้ามของมีคมและของเหลวที่มีปริมาณมากๆ แต่ถ้ามีเช่นครีมทามือ ก้อให้แยกใส่ถุงพลาสติกใส ก่อนเช็คอิน มันเป็นกฎน่ะทุกประเทศเลย(ถุงมีให้ที่สนามบินจ้า)
คนพร้อม ตั๋วพร้อม กระเป๋าพร้อม ก็ถึงเวลาไปเช็คอินที่สนามบินได้แล้ว การเช็คอินต้องไปก่อนเวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงสำหรับการบินระหว่างประเทศไกลๆแบบนี้ ขั้นตอนการเช็คอินก็ให้นำพาสปอตกับตั๋ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น e-ticketแล้วตอนนี้ จดแต่รหัสตั๋วไปได้เลย เข้าไปที่เค้าท์เตอร์ของสายการบินนั้นๆเพื่อนเช็คอินและโหลดกระเป๋า เราจะได้บอร์ดดิ้งพาสมา ในบอร์ดดิ้งพาสจะระบุเกตที่เราต้องไปขึ้นเครื่อง ระบุบหมายเลขที่นั่ง พร้อมกับได้บัตรหนึ่งใบมากรอกเพื่อที่จะให้ตม. เสร็จแล้วก็ร่ำลาคนมาส่งแล้วเข้าด่านตรวจ ตรงนี้เค้าจะบันทึกประวัติคนออกต่างประเทศ เค้าจะถามว่าไปไหน ไปทำไม อะไรแบบนั้น (เดนมาร์คมีปัญหากะ ตม. มากๆ เพราะขึ้นชื่อว่าผู้หญิงไทยไปขายตัวบ่อย ตม.จะถามเยอะ) ใครที่ได้วีซ่ายาวทั้งปี (สวีเดน) ปีครึ่ง(เดนมาร์ค) จะสบายหน่อย แต่บางเคสของเดนมาร์คที่จะได้หกเดือนก่อน ก็จะต้องยื่นเอกสารแนบที่มาจากสถานทูต ว่าจริงๆแล้วฉันได้วีซ่ายาวนะ แต่ไปต่อที่นู้นเอา อะไรแบบนี้ เสร็จแล้วเค้าก้อจะแนบบัตรที่ได้มาจากสายการบิน แม็กติดกับพาสปอตเรา ในส่วนบัตรผู้โดยสารขาเข้า ตรงนี้อย่าไปดึงออกนะ ต้องเก็บไว้จบกว่าจะกลับเลย ผ่านตรงนี้ไปแล้วก็ถึงเวลาไปที่เกตที่ระบุในบอร์ดดิ้งพาส แต่เดี๋ยวก่อน ในระหว่างที่เดินไปเกตนั้น จะเจอกับของล่อตาล่อใจที่ duty free shop เดินๆดูไปเหอะ ขอบอกว่าของแพงมาก ใครว่าดิ้วตี้ฟรีถูกเถียงใจขาด น้ำหอมเนี่ยะ มาซื้อที่ประเทศที่เราจะไปดีกว่า ถูกกว่าเยอะ เอ๊ะ แต่ถ้าหลงไปเกตไม่ถูกทำยังไงล่ะเออ?? เค้าจะมีจอมอนิเตอร์ให้ดูละ ว่าสายการบินเราไปที่เกตไหน ไม่ต้องห่วง มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำด้วย อย่าช้อปเพลินล่ะ ต้องไปขึ้นเครื่องก่อนเวลา 45 นาทีนะจ๊ะ
สายการบินที่เคยนั่งจากไทยก็มีสองสายคือการบินไทย (รักคุณเท่าฟ้า บริการห่วยแตก ราคาแพงมากมาย)
รอบสองไปตุรกีสแอร์ไลน์ (ชื่อฟังน่ากลัว แต่บริการดี ราคาถูก)
แนะนำสายการบินตรุกิสแอร์ไลน์นะ มีจอดูหนังส่วนตัวระบบทัชสกรีนให้สำหรับทุกที่นั่ง เลือกดูหนังได้ตามใจ แถมมีกล้องที่อยู่นอกเครื่องบินให้ดูด้วยล่ะ ส่วนการบินไทยน่ะเหรอ จอเป็นจอรวมคะ หนังไรไม่รู้ แอร์ สจ๊วต พูดจาห่วยแตกกะคนไทย แถมนินทาผู้โดยสารต่างชาติให้เราได้ยินอีก เฮ้อ แต่การบินไทยนี่ดีที่เป็นไฟลท์บินตรงไม่ต้องเปลียนเครื่อง ตุรกิส ต้องเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบลู ประมาณสี่ชั่วโมง
ขั้นตอนการเปลี่ยนเครื่องไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ตอนเชคอินครั้งแรกที่ไทย เราจะได้บอร์ดดิ้งพาสสองใบ หนึ่งใบใช้ขึ้นจากไทย อีกใบขึ้นที่อิสตันบลู ลงจากเครื่องแล้วให้ไปที่สำหรับต่อเครื่อง ตรงทางเข้
าจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกว่าไปทางไหน แล้วไปนั่งรอที่เกตที่จะขึ้นเครื่อง ไม่ต้องเชคอินใหม่จ้า ส่วนกระเป๋า เค้าโหลดให้เอง เราแค่รอขึ้นเครื่องอย่างเดียว หรือจะช้อปปิ้งรอก้อได้ไม่ว่ากัน
เรื่องเงินล่ะ เอาเงินอะไรไปดี จะแลกเป็นเงินสกุลนั้นๆมาเลยค่ะ สวีเดนคือ SEK เดนมาร์คคือ DKK แต่ถ้าไม่มีให้แลก แลกเป็ยยูโรมาก้อได้ค๊า
พร้อมหรือยังกับการก้าวไปสู่อีกโลกที่ไม่เคยสัมผัส?????
ส่วนเรื่องยา ถ้ามีโรคประจำตัวให้ซื้อยามาด้วย หรือว่าขอใบสั่งยาจาแพทย์ที่เมืองไทยติดมาด้วยก็ดี จะได้อธิบายได้ถูก (ที่นี่ซื้อยาเองไม่ได้ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ค๊า) อุปกรณ์ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เอามาใช้ได้หายห่วง แต่ปลั๊กที่นี่ (สวีเดนและเดนมาร์ค) ขาปลั๊กจะเป็นแบบกลม บ้านเราขาจะแบนๆ ไปซื้ออะแดปเตอร์ที่ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้จ้า โทรศัพท์มือถือลองเชคดูว่าของเราเป็นแบบไตรแบรนด์หรือควอตแบรนด์ ถ้าใช่เอามาได้เลย(แต่ส่วนใหญ่ มือถือปลดล๊อคซิมหมดแล้ว ใช้ได้ทั่ว)
เอาล่ะ ได้ของครบแล้วทีนี้เตรียมจัดของลงกระเป๋าได้เลย ของที่มีคมเช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ ให้แพคลงกระเป๋าใหญ่ที่จะโหลดลงใต้เครื่องบินนะ (อ๋อ ลืมบอกไปว่าเค้าอนุญาตให้มีกระเป๋าติดตัวไปบนเครื่องได้ แต่ไม่เกิน 5กิโลค่ะ) พวกผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว ก็เช่นกัน ให้โยนลงกระเป๋าใหญ่เลย กระเป๋าที่ติดตัวนั้น เค้าห้ามของมีคมและของเหลวที่มีปริมาณมากๆ แต่ถ้ามีเช่นครีมทามือ ก้อให้แยกใส่ถุงพลาสติกใส ก่อนเช็คอิน มันเป็นกฎน่ะทุกประเทศเลย(ถุงมีให้ที่สนามบินจ้า)
คนพร้อม ตั๋วพร้อม กระเป๋าพร้อม ก็ถึงเวลาไปเช็คอินที่สนามบินได้แล้ว การเช็คอินต้องไปก่อนเวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงสำหรับการบินระหว่างประเทศไกลๆแบบนี้ ขั้นตอนการเช็คอินก็ให้นำพาสปอตกับตั๋ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น e-ticketแล้วตอนนี้ จดแต่รหัสตั๋วไปได้เลย เข้าไปที่เค้าท์เตอร์ของสายการบินนั้นๆเพื่อนเช็คอินและโหลดกระเป๋า เราจะได้บอร์ดดิ้งพาสมา ในบอร์ดดิ้งพาสจะระบุเกตที่เราต้องไปขึ้นเครื่อง ระบุบหมายเลขที่นั่ง พร้อมกับได้บัตรหนึ่งใบมากรอกเพื่อที่จะให้ตม. เสร็จแล้วก็ร่ำลาคนมาส่งแล้วเข้าด่านตรวจ ตรงนี้เค้าจะบันทึกประวัติคนออกต่างประเทศ เค้าจะถามว่าไปไหน ไปทำไม อะไรแบบนั้น (เดนมาร์คมีปัญหากะ ตม. มากๆ เพราะขึ้นชื่อว่าผู้หญิงไทยไปขายตัวบ่อย ตม.จะถามเยอะ) ใครที่ได้วีซ่ายาวทั้งปี (สวีเดน) ปีครึ่ง(เดนมาร์ค) จะสบายหน่อย แต่บางเคสของเดนมาร์คที่จะได้หกเดือนก่อน ก็จะต้องยื่นเอกสารแนบที่มาจากสถานทูต ว่าจริงๆแล้วฉันได้วีซ่ายาวนะ แต่ไปต่อที่นู้นเอา อะไรแบบนี้ เสร็จแล้วเค้าก้อจะแนบบัตรที่ได้มาจากสายการบิน แม็กติดกับพาสปอตเรา ในส่วนบัตรผู้โดยสารขาเข้า ตรงนี้อย่าไปดึงออกนะ ต้องเก็บไว้จบกว่าจะกลับเลย ผ่านตรงนี้ไปแล้วก็ถึงเวลาไปที่เกตที่ระบุในบอร์ดดิ้งพาส แต่เดี๋ยวก่อน ในระหว่างที่เดินไปเกตนั้น จะเจอกับของล่อตาล่อใจที่ duty free shop เดินๆดูไปเหอะ ขอบอกว่าของแพงมาก ใครว่าดิ้วตี้ฟรีถูกเถียงใจขาด น้ำหอมเนี่ยะ มาซื้อที่ประเทศที่เราจะไปดีกว่า ถูกกว่าเยอะ เอ๊ะ แต่ถ้าหลงไปเกตไม่ถูกทำยังไงล่ะเออ?? เค้าจะมีจอมอนิเตอร์ให้ดูละ ว่าสายการบินเราไปที่เกตไหน ไม่ต้องห่วง มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำด้วย อย่าช้อปเพลินล่ะ ต้องไปขึ้นเครื่องก่อนเวลา 45 นาทีนะจ๊ะ
สายการบินที่เคยนั่งจากไทยก็มีสองสายคือการบินไทย (รักคุณเท่าฟ้า บริการห่วยแตก ราคาแพงมากมาย)
รอบสองไปตุรกีสแอร์ไลน์ (ชื่อฟังน่ากลัว แต่บริการดี ราคาถูก)
แนะนำสายการบินตรุกิสแอร์ไลน์นะ มีจอดูหนังส่วนตัวระบบทัชสกรีนให้สำหรับทุกที่นั่ง เลือกดูหนังได้ตามใจ แถมมีกล้องที่อยู่นอกเครื่องบินให้ดูด้วยล่ะ ส่วนการบินไทยน่ะเหรอ จอเป็นจอรวมคะ หนังไรไม่รู้ แอร์ สจ๊วต พูดจาห่วยแตกกะคนไทย แถมนินทาผู้โดยสารต่างชาติให้เราได้ยินอีก เฮ้อ แต่การบินไทยนี่ดีที่เป็นไฟลท์บินตรงไม่ต้องเปลียนเครื่อง ตุรกิส ต้องเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบลู ประมาณสี่ชั่วโมง
ขั้นตอนการเปลี่ยนเครื่องไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ตอนเชคอินครั้งแรกที่ไทย เราจะได้บอร์ดดิ้งพาสสองใบ หนึ่งใบใช้ขึ้นจากไทย อีกใบขึ้นที่อิสตันบลู ลงจากเครื่องแล้วให้ไปที่สำหรับต่อเครื่อง ตรงทางเข้

เรื่องเงินล่ะ เอาเงินอะไรไปดี จะแลกเป็นเงินสกุลนั้นๆมาเลยค่ะ สวีเดนคือ SEK เดนมาร์คคือ DKK แต่ถ้าไม่มีให้แลก แลกเป็ยยูโรมาก้อได้ค๊า
พร้อมหรือยังกับการก้าวไปสู่อีกโลกที่ไม่เคยสัมผัส?????
ยังไม่ทันได้อ่าน แต่มาเม้นไว้ก่อน อิอิ
ตอบลบประมาณว่าเนื้อหาเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 555
ไกล้แระไกล้ถึงสวีเดนแระ ลุ้นไปด้วยเลยนะเนี่ย
ถ้าจะให้ดีพอถึงสวีเดนแล้วอธิบายรูปร่างหน้าตาหนุ่มสวีเดนให้ด้วยนะ
ว่าเป็นไงบ้าง แบบสนใจอ่ะ อิอิ
ขอบใจนะ ต้องใช้รูปประกอบด้วยไหมเนี๊ยะ อิอิ
ตอบลบถ้าต้องเอายาติดตัวไป เช่น ยาทานรักษาสิว เอาติดตัวไปได้ไหมค่ะ หรือต้องทำอย่างไรบ้าง เช่น แพคใส่กระเป๋าใหญ่ โหลด หรืออย่างไรแนะนำด้วยค่ะ
ตอบลบเอาไปได้คะ แต่ยาควรมีฉลากกำกับไว้ด้วยก้อจะดีที่สุด ส่วนใหญ่แถบยุโรปไม่ค่อยค้นกระเป๋ามาก แต่เค้าก้อสุ่มตรวจตลอดล่ะค่ะ เอาเป็นว่าให้มีฉลากยาและแพคลงกระเป๋าใหญ่ไว้ดีที่สุดค่ะ
ลบ